การทำบาป คือผลของการเป็นคนบาป
ทุกคนเป็นคนบาป
เพราะความเป็นคนบาปจึงทำให้ทุกคนทำบาป การเป็นคนบาปเป็นเหตุของการทำบาป
และการทำบาปเป็นผลของการเป็นคนบาป
เหมือนมะม่วงที่เป็นพันธุ์เปรี้ยวเป็นเหตุให้ออกผลเปรี้ยว
และการออกผลเปรี้ยวเป็นผลของการเป็นพันธุ์เปรี้ยว
ทุกศาสนาที่สอนว่าอย่าทำบาป
จงทำดี ก็เป็นสิ่งที่ดี แต่เป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ คือการทำบาป
ไม่ได้แก้ปัญหาที่ต้นเหตุ คือการเป็นคนบาป
เหมือนการห้ามไม่ให้มะม่วงพันธุ์เปรี้ยวออกผลเปรี้ยว คำสั่งนั้นจะไม่สัมฤทธิ์ผล
การผิดธรรมชาติของพันธ์มะม่วงนั้น
ทุกศาสนาที่สั่งสอนคนบาปว่าอย่าทำบาปก็เป็นสิ่งที่ดี
แต่ไม่ให้ผลตามคำสั่งสอน เพราะผิดธรรมชาติของคนนั้นๆ
เพราะคนที่เป็นคนบาปก็ทำบาปเพราะเป็นธรรมชาติธาตุแท้ของเขา
ไม่มีใครสามารถห้ามคนบาปไม่ให้ทำบาปได้ตลอดไป เพราะผิดธรรมชาติของผู้นั้น
แต่อาจจะให้ผลบ้างเฉพาะกิจเฉพาะกาล คือห้ามได้บางเรื่องและบางวันเวลา
แต่ไม่สามารถห้ามได้ทุกเรื่องทุกเวลา เหมือนห้ามคนไม่ให้หายใจ
หรือห้ามไม่ให้รับประทานอาหาร ผู้ที่รับคำสั่งจะทำได้บางเวลาเท่านั้นจะทำตลอดกาลเวลาไม่ได้
เพราะผิดธรรมชาติของเขา
โดยเหตุนี้เอง
คนที่นับถือศาสนาทุกศาสนาที่ดี ก็ยังทำบาปกันตลอดมา
ไม่มีใครเลยสักคนเดียวที่ไม่เคยทำผิดตามคำสั่งสอนของศาสนาที่คนนับถือ
โดยเหตุนี้ศาสนาจึงเป็นเหมือนยาแก้ปวด ที่ใช้ระงับยับยั้งการทำบาปได้บ้างเท่านั้น
แต่กำจัดบาปให้สูญสิ้นไปไม่ได้
ตราบใดที่คนบาปผู้นั้นยังมีชีวิตอยู่ก็ยังคงทำบาปตลอดไป แม้คนอื่นๆจะไม่รู้ไม่เห็นก็ตาม
แต่บัดนี้ทรงให้ประจักษ์แจ้งโดยการเสด็จมาของพระเยซูคริสต์พระผู้ช่วยให้รอดของเรา
ผู้ได้ทรงทำลายความตายและนำชีวิตกับความเป็นอมตะมาสู่ความสว่างโดยทางข่าวประเสริฐ 2 ทธ.1:10
ความเป็นเป็นตัวกำหนดการกระทำไม่ใช่การกระทำกำหนดความเป็น
ต้องเป็นคนดีก่อนจึงจะกระทำดี ไม่ใช่ทำดีเพื่อเป็นคนดี
เพราะมนุษย์เป็นคนบาป ไม่สามารถเป็นคนดีด้วยตัวเองได้
ฉะนั้นต้องให้พระเจ้าเปลี่ยนเราให้เป็นคนดีก่อนจึงจะทำดีได้
เปลี่ยนเราให้เป็นเหมือนพระเจ้า เพื่อเราจะเป็นพระฉายของพระเจ้า
โดยสาธุคุณ ดร.วัลย์ เพชรสงคราม
คริสตจักรร่มเกล้า
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น