พระดำรัสที่ 1
ฝ่ายพระเยซูจึงทรงอธิษฐานว่า
“โอพระบิดาเจ้าข้าขอโปรดอภัยโทษเขา
เขาไม่รู้ว่าเขาทำอะไร”
เขาก็เอาฉลองพระองค์จับฉลากแบ่งปันกัน
ลูกา 23.34
พระดำรัสที่ 2
ฝ่ายพระเยซูตรัสตอบเขาว่า
“เราบอกความจริงแก่เจ้าว่า วันนี้เจ้าจะอยู่กับเราในเมืองบรมสุขเกษม”
“เราบอกความจริงแก่เจ้าว่า วันนี้เจ้าจะอยู่กับเราในเมืองบรมสุขเกษม”
ลูกา 23.43
พระดำรัสที่ 3
เมื่อพระเยซูทอดพระเนตรเห็นมารดาของพระองค์
และสาวกคนที่พระองค์ทรงรักยืนอยู่ใกล้
พระองค์จึงตรัสกับมารดาของพระองค์ว่า
“หญิงเอ๋ย จงดูบุตรของท่านเถิด”
แล้วพระองค์ก็ตรัสกับสาวกคนนั้นว่า
จงดูมารดาของท่านเถิด
ตั้งแต่เวลานั้นมาสาวกคนนั้นก็รับมารดาของพระองค์มาอยู่ในบ้านของตน
ยอห์น 19.26-27
พระดำรัสที่ 4
ครั้นประมาณบ่ายสามโมง
พระเยซูทรงร้องเสียงดังว่า “เอลี เอลี ลามา สะบักธานี”
แปลว่า “พระเจ้าของข้าพระองค์
พระเจ้าของข้าพระองค์ ไฉนทรงทอดทิ้งข้าพระองค์เสีย”
มัทธิว 27.46,มาระโก 15.34
พระดำรัสที่ 5
หลังจากนั้นพระเยซูทรงทราบว่าทุกสิ่งสำเร็จแล้ว
เพื่อให้เป็นจริงตามพระธรรม
พระองค์จึงตรัสว่า “เรากระหายน้ำ”
ยอห์น 19.28
พระดำรัสที่ 6
มีภาชนะใส่น้ำส้มองุ่นวางอยู่ที่นั่น
เขาจึงเอาฟองน้ำชุบน้ำส้มองุ่นใส่ปลายไม้หุสบชูขึ้นให้ถึงพระโอษฐ์ของพระองค์
เมื่อพระเยซูทรงรับน้ำส้มองุ่นแล้ว
พระองค์ตรัสว่า “สำร็จแล้ว” และทรงก้มพระเศียรลงสิ้นพระชนม์
ยอห์น 19.29-30
พระดำรัสที่ 7
พระเยซูร้องเสียงดังตรัสว่า
“พระบิดาเจ้าข้า
ข้าพระองค์ฝากวิญญาณจิตของข้าพระองค์ไว้ในพระหัตถ์ของพระองค์
ตรัสอย่างนั้นแล้วก็สิ้นพระชนม์
ลูกา 23.46
romklao-church.blogspot.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น